พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แบบ B2C
ผู้ประกอบการ
กับ ผู้บริโภค (Business
to Consumer - B2C) คือการค้าระหว่างผู้ค้าโดยตรงถึงลูกค้าซึ่งก็คือผู้บริโภค
เช่น การขายหนังสือ ขายวีดีโอ ขายซีดีเพลงเป็นต้น
ธุรกิจที่มุ่งเน้นการบริการกับลูกค้าหรือผู้บริโภค
ซึ่งรูปแบบที่สำคัญที่สุดของการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ระหว่างธุรกิจและผู้บริโภค
คือ การค้าปลีกอิเล็กทรอนิกส์ (electronic
retailing) เราสามารถแบ่งระดับของกิจกรรมของ คือ
การค้าปลีกอิเล็กทรอนิกส์ออกเป็น 5 ระดับดังต่อไปนี้คือ
1.
การโฆษณาและแสดงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic showcase) หมายถึงการใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ในการประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการของบริษัทเท่านั้น โดยยังไม่มีการรับสั่งสินค้าทางเครือข่าย
2.
การสั่งซื้อสินค้าทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic ordering) หมายถึง
การใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตในการสั่งซื้อสินค้า แต่ยังคงชำระเงิน ด้วยวิธีการเดิม
เช่น ชำระด้วยเช็ค หรือ บัตรเครดิตผ่านทางช่องทางปกติ
3.
การชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic
payment) หมายถึง
การใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตในการสั่งซื้อสินค้า และชำระเงิน
โดยในปัจจุบันการชำระเงินผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
มักชำระด้วยการบอกหมายเลขบัตรเครดิต
ในอนาคตการชำระเงินอาจทำได้โดยใช้เงินอิเล็กทรอนิกส์ (electronic money)
4.
การจัดส่งและบริการหลังการขายด้วยอินเทอร์เน็ต (Electronic delivery and service) หมายถึง
การใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตในการค้าปลีกอย่างคลอบคลุม ตั้งแต่การโฆษณา
การรับสั่งสินค้า การชำระเงิน ตลอดจนการให้บริการหลังการขาย ในกรณีที่สินค้า
เป็นสินค้า “สินค้าสารสนเทศ” (information goods) เช่น
ข่าวสาร ซอฟต์แวร์ ภาพยนตร์ หรือเพลงการจัดส่ง (delivery) สินค้าเหล่านี้
ยังสามารถทำผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้อีกด้วย
5.
การทำธุรกรรมและการแลกเปลี่ยนทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic transaction) เช่น การแลกเปลี่ยนเงินตรา การซื้อขายสินค้าทางการเงิน
เช่น หลักทรัพย์ การซื้อขายสินค้าทั่วไป (commodity) เช่น น้ำมัน หรือทองคำ เป็นต้น
ธุรกิจกับผู้ซื้อปลีกหรือบีทูซี
(B-to-C =
Business-to-Consumer) จัดอยู่ในประเภทของE-COMMERCE คือประเภทที่ผู้ซื้อปลีกใช้อินเตอร์เนตในการซื้อสินค้าจากธุรกิจที่โฆษณาอยู่ในอินเตอร์เน็ต
ตัวอย่างเว็บไซค์ www.Se-ed.com
รุปแบบการสร้าง CRM กับลูกค้า
Web board
Investor Relation
Se-ed learning Center
Comment
Se-ed book center
กลยุทธ์การตลาดของเว็บ
มีดังนี้
1.มีส่วนลดให้กับผู้ที่เป็นสมาชิก
2.ในการสั่งซื้อหนังสือแต่ละครั้งจะมีส่วนลด
จำนวนเท่าไหร่นั้นขึ้นอยู่กับหนังสือแต่ละประเภท
ในบางเล่มลดถึง 50
%
3.ซื้อสินค้าครบ
600
บาท ฟรีค่าจัดส่ง (เฉพาะพัสดุไปษณีย์ ภายในประเทศเท่านั้น)
4.หน้าเว็บไซต์มีโมดูลของสินค้าขายดี
สินค้าแนะนำ สินค้าล่าสุด เพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้า
5.หน้าเว็บไซต์มีรูปภาพที่น่าสนใจ
และการค้นหาหนังสือก็หาง่ายแบ่งเป็นหมวดหมู่
6.ความถี่ในการ update สินค้า : จะ update สินค้าทุกๆ 1 สัปดาห์
จุดแข็ง
1.ในการค้นหาเว็บไซต์หลักจะสามารถพบร้านเป็นอันดับแรก
2.ขั้นตอนในการสั่งซื้อไม่ยุ่งยากและมีหลายวิธีให้เลือก
3.หน้าเว็บไซต์มีความน่าสนใจ
อธิบายรายละเอียดสินค้า
4.มีบริการหลายอย่างอำนวยความสะดวกให้ลูกค้า
5.มีการอัพเดตสินค้าใหม่ๆเสมอ
จุดอ่อน
1.หน้าเว็บไซต์ตัวอักษรเล็ก และเยอะมากไป
2.ในการจัดบล็อกยังดูสับสนเล็กน้อยสำหรับผู้ที่ไม่เคยเยี่ยมชม